บริการทดสอบด้านโทรคมนาคม

บริการทดสอบผลิตภัณฑ์ด้านโทรคมนาคม (Wi-Fi & Telecom Testing)

โดยทั่วไปแล้วในวัฏจักร (cycle) การออกแบบผลิตภัณฑ์ด้านไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และโทรคมนาคมนั้น จะเริ่มจากขั้นตอนของการประเมินความสามารถของหน่วยงานว่าสามารถทำการออกแบบหรือไม่ ทำการสำรวจความต้องการและโอกาสทางการตลาด(initial investigate) จากนั้นจึงทำการออกแบบ (design bread board) โดยอาจใช้วิธีการจำลองการทำงานของวงจรที่ออกแบบโดยการใช้ซอฟต์แวร์ สร้างวงจรต้นแบบ (prototype design) ทำการทดสอบวงจรต้นแบบโดยการใช้เครื่องมือทำการทดสอบฟังก์ชันการทำงาน (functional test) เช่น โปรโตคอล (protocol) เมื่อผ่านการทดสอบฟังก์ชันการทำงานแล้วจึงจะทำการ ผลิตวงจรต้นแบบ (production prototype) และนำไปทำการทดสอบตามมาตรฐานที่กำหนด

Why choose PTEC for Wireless telecom testing

ด้วยวิศวกรที่มีความรู้ความชำนาญในการทดสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ในด้านการทนต่อสภาวะแวดล้อมต่างๆ ประกอบกับเครื่องมือที่ทันสมัย ครบถ้วนตามมาตรฐานต่างๆ ทำให้เราสามารถให้บริการทดสอบครอบคลุมสินค้าหลากหลายประเภท โดยการทดสอบนั้นจะเป็นไปเพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าทุกชิ้นที่ผ่านการทดสอบจากเราเป็นไปตามมาตรฐานสากล

Test item
  1. IoT device
  2. Wi-Fi & Bluetooth device
  3. Drone and UAV
  4. RFID & NFC device
  5. Ultra Wind Band (UWB)
  6. Electromagnetic Field EMF
  7. Wireless Equipment
  8. Frequency Bandwidth & Harmonics
  9. Antenna Gain & Radiation Pattern
  10. Bluetooth Equipment
  11. TV-Digital Base Station (DVB-T2)
  12. Signaling System
  13. NFC Equipment
  14. GPS tracking
  15. Cellular Module
  16. wireless microphone
  17. walkie talkie
  18. Radar
  19. Unwanted emission
  20. Equivalent Isotopically Radiated Power (EIRP)
  21. Electromagnetic Radiation & Simulation
  22. RFID Equipment
  23. Telephone Base Station (RF & EMF)
  24. Shielding Effectiveness
  25. Bluetooth Equipment
  26. GSM-R for High-Speed Train

ห้องปฏิบัติการทดสอบคลื่นความถี่วิทยุ และอุปกรณ์โทรคมนาคม

RADIO FREQUENCY & TELECOMMUNICATION TESTING LAB

การทดสอบการแพร่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

สัญญาณรบกวนแม่เหล็กไฟฟ้าและการสื่อสาร โทรคมนาคม

การรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า  และความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า  หรือ  Electromagnetic Compatibility  ( EMI/EMC ) ถูกกล่าวถึงเป็นครั้งแรกระหว่างปี  1940 และ 1950  โดยมีสาเหตุมาจากการทำงานของมอเตอร์ที่กำเนิดสัญญาณความถี่ฮาร์มอนิกส์รบกวนเข้าไปในสายส่งกำลังไฟฟ้า และก่อให้เกิดรบกวนต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆที่มีความอ่อนไหวต่อการรบกวนทางคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าขึ้น จากจุดเริ่มต้นนี้จนถึงปี 1960  EMI/EMC ได้กลายเป็นจุดสนใจของทางการค้าและทางทหาร  ในการป้องกันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้พ้นจากการรบกวนของแม่เหล็กไฟฟ้า เช่น กรณีของสัญญาณจากเรดาร์รบกวนการทำงานของส่วนควบคุมขีปนาวุธ หรือ สัญญาณรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้าทำให้ระบบนำร่องอัตโนมัติของเครื่องบินและเรือทำงานผิดพลาด

ในระหว่างปี  1970 และ 1980  การแพร่สัญญาณรบกวนแม่เหล็กไฟฟ้าจากคอมพิวเตอร์ได้กลายเป็นปัญหาใหญ่ของการกระจายเสียงวิทยุ ( broadcast )รัฐบาลสหรัฐอเมริกา ตัดสินใจออกข้อบังคับทางแม่เหล็กไฟฟ้าสำหรับอุปกรณ์ในทางอุตสาหกรรม  หน่วยงานที่ว่านี้เรียกว่า Federal Communication Commissions: FCC  โดยมีหน้าที่เขียนข้อบังคับเกี่ยวกับมาตรฐานการแพร่ความถี่ของอุปกรณ์และวิธีการวัดสัญญาณรบกวนแม่เหล็กไฟฟ้า  ในขณะเดียวกันกลุ่มสหภาพยุโรปก็จัดตั้งองค์กรออกกฏข้อบังคับเพื่อควบคุมการแพร่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ไปยังอุปกรณ์ข้างเคียง ด้วย          

ในปี  1990 EMI/EMC ได้กลายเป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจอย่างมากในทางการค้า  หลายประเทศได้ตั้งข้อกำหนดเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่จะนำเข้ามาขายในประเทศจะต้องผ่านการทดสอบทาง EMI/EMC   โดยจะต้องผ่านการทดสอบใน 2 หัวข้อใหญ่ ๆ คือ  การแพร่สัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้า  ( Emission )  และ  ความคงทนต่อสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้า  ( Susceptibility )

อุปกรณ์สำหรับการทดสอบด้านความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้าและโทรคมนาคม

ในการทดสอบการแพร่กระจายสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าผ่านอากาศ(radiation emission testing) ตามมาตรฐานสากล   จะใช้โครงสร้างสำคัญของการวัดสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าที่แตกต่างกัน 3 ชนิดขึ้นกับชิ้นส่วนขนาดของผลิตภัณฑ์ที่ต้องการทดสอบ ราคาของอุปกรณ์ที่ใช้ ความสะดวกในการใช้งาน โดยแบ่งโครงสร้างในการทดสอบทาง EMC ได้ดังนี้

  • การทดสอบการแพร่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและการสื่อสารข้อมูลของอุปกรณ์ด้านโทรคมนาคม ในห้องปิดกั้นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า(Semi- Anechoic Chamber: EMC chamber)
  • การทดสอบการแพร่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและการสื่อสารข้อมูลของอุปกรณ์ด้านโทรคมนาคม ในพื้นที่ทดสอบแบบเปิดโล่ง(Open Area Test Site: OATS)
  • การทดสอบการแพร่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและการสื่อสารข้อมูลของอุปกรณ์ด้านโทรคมนาคม ใน GHz Transverse Electromagnetic Mode Cell : GTEM
  • การทดสอบในห้องปิดกั้นคลื่นสนามไฟฟ้าแบบกึ่งไร้คลื่นสะท้อน (Semi-Anechoic Chamber)

การทดสอบการแพร่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและการสื่อสารข้อมูล ในห้องปิดกั้นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบกึ่งไร้คลื่นสะท้อน (Semi-Anechoic Chamber) ที่มีขนาดระยะทดสอบตามมาตรฐานสากล ซึ่งกำหนดระยะทดสอบไว้ 2 แบบคือ ที่ระยะทดสอบ 3 เมตร และที่ระยะทดสอบ 10 เมตร ตามลำดับ ห้องปิดกั้นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านี้ มีคุณสมบัติเป็นห้องที่ใช้กั้นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากภายในออกสู่ภายนอก และป้องกันสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้ารบกวนและสัญญาณวิทยุ(RFI) จากภายนอกเข้ามารบกวนอุปกรณ์ภายใต้การทดสอบ ภายในห้อง    ห้องดังกล่าวประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้

  • มีผนังเป็นโลหะหนาซึ่งมีค่าความซึมซาบทางแม่เหล็กไฟฟ้าสูง ใช้กั้น(shield)สัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าจากภายนอกเข้าสู่ภายในห้องทดสอบและกั้นไม่ให้สัญญาณขณะทดสอบออกสู่ภายนอก
  • มีผนังบุด้วยแผ่นเฟอร์ไรต์(ferrite)  ซึ่งเป็นออกไซต์ของโลหะหลายๆชนิด ใช้ในการดูดซับคลื่นวิทยุและสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งสะท้อนไปมาภายในห้องขณะทำการทดสอบ โดยแผ่นเฟอร์ไรต์นี้ทำหน้าที่เสมือนว่าเป็นห้องที่ไม่มีผนังตามเงื่อนไขอวกาศอิสระ(free space)
  • แผ่นโฟมผสมผงเฟอร์ไรต์(ferrite form) ทำหน้าที่ดูดซับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ความถี่ต่ำ ภายในห้องไม่ให้เกิดการสะท้อน มีลักษณะเป็นกรวยแหลมถูกติดที่ผนังของห้อง

พื้นที่ทดสอบแบบเปิดโล่ง(OATS)

พื้นที่ทดสอบแบบเปิดโล่ง เป็นพื้นที่มาตรฐานอ้างอิง (reference site) สำหรับการทดสอบด้าน EMC และด้านโทรคมนาคม ใช้เปรียบเทียบหรือยืนยันผลการทดสอบในห้องปิดกั้นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในกรณีที่ผลการวัดน่าสงสัย พื้นที่ดังกล่าวจะต้องอยู่ในบริเวณที่มีการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า (ambient noise) น้อย หากมีการรบกวนในบริเวณดังกล่าวมากจะไม่สามารถทำการทดสอบ EUTได้ ส่วนประกอบสำคัญของ OATS คือ

พื้นปูด้วยแผ่นโลหะเรียบหรือแผ่นตะแกรงลวด ซึ่งมีขนาดน้อยกว่า 1/10 ของความยาวคลื่น สายอากาศในการรับสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งแพร่ออกจาก EUT ซึ่งถูกติดตั้งอยู่บนเสาอากาศเคลื่อนที่ได้(Antenna Mast) ความสูง 4 เมตร

แท่นหมุน เป็นจานโลหะรัศมี 1.5 เมตร ถึง 3 เมตร ใช้ในการวางอุปกรณ์ทดสอบ  สามารถปรับมุมการหมุนได้ตั้งแต่ 0 องศาถึง 360 องศา เพื่อใช้ในการหาตำแหน่งที่ EUT แพร่สัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าออกมามากที่สุด

GHz Transverse Electromagnetic Mode Cell: GTEM

GHz TEM (GTEM) เป็นโครงสร้างในการทดสอบ EUT ซึ่งมีขนาดเล็ก และมีโครงสร้างไม่ยุ่งยากและไม่มีการต่อสายเคเบิลหรือสายสัญญาณเพิ่มเติม สามารถวัดสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้เฉพาะ EUT ที่มีขนาดเล็กแสดงดังรูปที่ (3) ส่วนประกอบที่สำคัญประกอบด้วย

  • ผนังทำด้วยโลหะขึ้นรูปปิรามิด ซึ่งมีค่าความซึมซาบทางแม่เหล็กสูงใช้ปิดกั้นสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าจากภายในออกสู่ภายนอก และจากภายนอกเข้าสู่ภายใน
  • ผนังเฟอร์ไรต์  เป็นออกไซต์ของโลหะหลายชนิด ใช้ในการดูดซับสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งสะท้อนภายในห้อง คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะถูกดูดซับและไม่มีการสะท้อนในห้องนี้ ถูกติดตั้งที่ปลายด้านป้านของปิรามิด
  • แผ่นโฟมผสมผงเฟอร์ไรต์จะถูกดูดซับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ความถี่ต่ำ ภายในห้องไม่ให้เกิดการสะท้อน ถูกติดตั้งที่บริเวณด้านป้านของปิรามิด